วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บทนำ

ทุกวันนี้ ที่เกิดความวุ่นวายกระสับกระส่ายกันทั่วบ้านทั่วเมืองไม่เว้นแต่ละวันเพราะว่าต่างคนก็ต่างพุ่งใจออกไปข้างนอก ไม่ยอมย้อนกลับมาดูตัวของเราเอง เมื่อเราย้อนกลับมาดูตัวเราเองแล้ว เราก็จะเห็นความสงบหรือความวุ่นวายภายในใจเรา
ฉะนั้นจงอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาทต่อชีวิตสังขารเพราะชีวิตสังขารนี้เป็นของไม่ยืนนานตามใจหมายของโลกคือมนุษย์ที่คิดหวังอยู่เสมอ จงพิจารณาให้เห็นชัดในภพชาติสังขาร ทุกคนจะต้องเป็นเช่นนี้ เป็นอย่างนี้ หลักพระพุทธเจ้าทรงสอนสิ่งไหนที่เป็นเสบียงเป็นปัจจัยของเราที่จะติดตามตนของตนไปสู่ภพหน้า มีอะไรบ้าง จงพิจารณาทุกลมหายใจเข้าออก จะได้ไม่ประมาท มีสติอยู่กับตนอยู่เสมอ ไม่ลดละ ไม่ประมาท จะได้ชื่อว่าเป็นผู้สะสมซึ่งบุญกุศลนั้นๆ ให้เกิดขึ้นมีในตนของตนจะได้เป็นเสบียงเป็นปัจจัยติดตามตนของตนไปสู่ภพหน้า
โภคทรัพย์ข้าวของเงินทอง ลาภยศสรรเสริญทุกอย่าง เมื่อชีวิตปลายทางแห่งสังขารก็หมดสิ้น เหลือแต่เจ้าตัว ใจ เท่านั้น ใจที่ก้าวออกจากร่างกายแล้วไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเหลือแต่บุญกุศลเก่าและใหม่ที่เราได้สะสมไว้แต่ชาติปางก่อนและชาตินี้เท่านั้นเป็นตัวแท้ ฉะนั้นอย่าได้ไปมือเปล่า จงสะสมสมบัติปัจจัยเสบียงซึ่งบุญกุศลใส่ตัวไว้ให้มาก อย่าได้ประมาท ส่วนบาปนั้นเป็นของได้ผลเป็นทุกข์ อย่าได้พึงกระทำ อย่าพึงสะสม
เมื่อมนุษย์เรายังตกอยู่ภายใต้อำนางของกฎธรรมชาติคือ กิเลส(อารมณ์ โกรธ โลภ หลง ของดวงจิต) ตัณหา(ความพอใจ ความไม่พอใจ ของดวงจิต) และ อุปาทาน(ความยึดมั่นถือมั่น ของดวงจิต) ทำให้เกิดความม่านบังตาเป็นอวิชชาคือความลุ่มหลงไม่รู้ความจริง การจะก้าวพ้นออกไปจากโลกสู่ความดับสูญที่เรียกว่านิพพาน จึงเป็นเรื่องที่ยากนัก แต่ถ้าเราหมั่นปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาและเข้าใจตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ นิพพานหรือการดับสูญเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนสามารถทำได้
การเจริญสติให้เกิดปัญญาตามหลักสติปัฏฐานสี่ของพระพุทธองค์เป็นวิธีเพื่อให้หลุดพ้นจากอำนาจของกิเลส ตัณหา และ อุปาทาน สติปัฏฐานสี่เป็นการใช้สติควบคุมจิตพิจารณาขันธ์ห้า (รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ) จากความจริงของธรรมะคือ กาย เวทนา จิต ธรรม เป็นของไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน เกิดดับและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หาสาระไม่ได้ ยึดถือไม่ได้ การปฏิบัติธรรมไปสู่นิพพานที่พระพุทธองค์ทรงชี้ทางไว้ เป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่และสามารถลดทอนอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปาทานได้ ที่ผู้ปฏิบัติต้องทำความเข้าใจในการปฏิบัติธรรม เพื่อไม่ให้หลงเข้าไปในอำนาจของพญามารได้ ตลอดการเดินทาง ในเส้นทางสายความสุขแห่งปัญญานี้
มนุษย์เรายังมีกิเลส ตัณหา และ อุปาทาน ไม่มีความเสถียรในขันธ์ห้า ทั้งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ที่อาจเพลี่ยงพล้ำในวันใดวันหนึ่งก็ได้เพราะอำนาจตามธรรมชาติมหาศาลยิ่งนัก ผู้ปฏิบัติจะต้องพึ่งตนเอง รู้ด้วยตนเองและหมั่นเจริญสติให้เกิดปัญญาตามหลักสติปัฏฐานสี่ให้มาก
ขออำนาจในบุญกุศลที่เกิดจากความตั้งใจในการปฏิบัติธรรมของทุกๆ ท่าน จงมารวมกันเป็นตบะเป็นเดชะ เป็นพลวะ เป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าและผู้ปฏิบัติทุกๆ ท่าน ได้รับความสุขที่แท้จริงคือนิพพาน จงเกิดอำนาจบารมีที่เอาชนะกิเลส ตัณหา และ อุปาทาน ให้เป็นผู้รู้แจ้งในขันธ์ห้า รู้แจ้งการปฏิบัติ เจริญด้วย รูปสมบัติ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติ ที่กรรมใดอย่าได้มาเบียดเบียนเป็นภัยได้เลย จงเกิดแก่ข้าพเจ้าและผู้ปฏิบัติทุกๆ ท่าน ตลอดไปทุกภพทุกชาติจนไปสู่นิพพานเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ.....สวัสดีครับ